‘พีรดนย์-รัชชานนท์’ รั้งฝูงบนคลับเฮ้าส์กอล์ฟไทยแลนด์ โอเพ่น ครั้งที่ 50

พีรดนย์ ปัญญาธนะเศรษฐ์​ นักกอล์ฟวัย 33 ปีจากกรุงเทพประเดิมรอบแรก 8 เบอร์ดี้แบบไม่เสียโบกี้ก่อนขึ้นมานำบนคลับเฮ้าส์ร่วมกับ รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ นักกอล์ฟทีมชาติไทยวัย 15 ปีด้วยสกอร์ 8 อันเดอร์พาร์ 63 ในการแข่งขันกอล์ฟอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ไทยแลนด์ โอเพ่น ครั้งที่ 50 ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และเงินรางวัลรวม 8 ล้านบาท ณ สนามริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ ระยะ 6,929 หลา พาร์ 71 จ.ปทุมธานี ซึ่งการแข่งขันรอบแรกเจอพายุฝนฟ้าคะนองทำให้นักกอล์ฟหลายคนไม่สามารถเล่นจบรอบได้

สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ จับมือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย, สิงห์ คอร์เปอเรชั่น, บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด(มหาชน), สนามริเวอร์เดล และพันธมิตร จัดการแข่งขันกอล์ฟอาชีพสะสมคะแนนอันดับโลก ออล ไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ 2022 รายการ ไทยแลนด์ โอเพ่น ครั้งที่ 50 ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พร้อมชิงเงินรางวัลรวม 8 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 1-4 ก.ย. 2565 ณ สนามริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ ระยะ 6,929 หลา พาร์ 71 จ.ปทุมธานี ผู้ชนะจะรับเงินรางวัลไปครอง 1.2 ล้านบาท พร้อมคะแนนสะสมอันดับโลก โดยจัดการแข่งขันภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างเคร่งครัด

 

เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมาเป็นการแข่งขันรอบแรกของการแข่งขันกอล์ฟอาชีพรายการที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งต้องเผชิญกับพายุฝนฟ้าะนองจนคณะกรรมการจัดการแข่งขันต้องยุติการแข่งขันชั่วคราวเป็นเวลาถึง 2 ชั่วโมง ส่งผลให้นักกอล์ฟจำนวนมากไม่สามารถเล่นจบรอบแรกได้ต้องกลับมาเล่นต่อในช่วงเช้าของวันที่ 2 ก.ย. 2656 และตามด้วยแพริ่งการแข่งขันในรอบที่สองต่อไป

ในกลุ่มนักกอล์ฟที่สามารถเล่นจบรอบแรกได้นั้น พีรดนย์ ปัญญาธนะเศรษฐ์ โปรวัย 33 ปีจากกรุงเทพฯ ออกตัวด้วยการเก็บเข้ามา 8 เบอร์ดี้โดยไม่เสียโบกี้แม้แต่หลุมเดียว ขึ้นมานำบนคลับเฮ้าส์ที่สกอร์ 8 อันเดอร์พาร์ 63 เท่ากับ รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ นักกอล์ฟสมัครเล่นวัย 15 ปีที่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพิ่งสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟอายุน้อยที่สุดที่ชนะรายการระดับอาชีพในแมตช์ของเอเชี่ยนทัวร์ โดยในรอบแรก รัชชานนท์​เก็บเข้ามา 9 เบอร์ดี้ 1 โบกี้

 

พีรดนย์ ปัญญาธนะเศรษฐ์​ เจ้าของแชมป์ออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์ที่แม่โจ้เมื่อปี 2017 เปิดเผยหลังผ่าน 18 หลุมแรกว่า “ช่วงเก้าหลุมแรกรู้สึกว่าจังหวะจะมาตีตอนหลุม 7 ครับ ตีตกทรายแล้วก็พัตต์เบอร์ดี้ลง ทำให้เหมือนสภาพจิตใจเราง่ายขึ้น กลายเป็นกล้าเล่น กล้าตี โดยรวมก็ไม่คิดว่าจะตีดีขนาดนี้ครับ วันนี้รู้สึกว่าทำได้ดีเกินกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ คีย์สนามนี้ก็ไม้หนึ่งครับ ถ้าไดร์ฟเวอร์ไดร์ฟอยู่ก็มีโอกาสทำเบอร์ดี้ได้สูง เพราะจากแฟร์เวย์ขึ้นกรีนอยู่ที่เราแล้ว เนื่องจากกรีนที่นี่ตกอยู่ กรีนก็ไม่ได้พัตต์ง่ายนะครับแต่ว่าพัตต์ดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย”

 

ส่วน รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ กล่าวว่า “สกอร์ออกมาดีครับแต่คิดว่าตีออกมายังไม่ดีเท่าไหร่ มีบางหลุมที่ยังเสียเหล็กสั้น และไดร์ฟเวอร์ปกติมันควรจะแม่นกว่านี้ครับ ถ้าเล่นสนามแคบๆมันจะทำสกอร์ไม่ได้แบบนี้ ต้องปรับปรุงไดร์ฟเวอร์นิดหน่อย แต่ว่าพัตต์ดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ 3-4 วันที่ผ่านมาซ้อมพัตต์เยอะเลยครับ ดีใจที่มันเห็นผล ส่วนการออกสตาร์ตดี เคอยู่ในคอนดิชั่นนี้มาหลายหนแล้วที่นำวันแรก เครู้ว่าต้องไม่กดดันตัวเอง เหมือนที่เคได้แชมป์ที่เอเชี่ยนทัวร์ วันที่สองวันที่สามมันยังชนะไม่ได้ มันจะชนะได้แค่วันที่สี่ เคก็เล่นสบายๆครับ ไม่กดดันตัวเอง ทำเบอร์ดี้ให้ได้มากที่สุดและเสียให้น้อยที่สุดครับ”

 

ขณะที่ ชนม์เจริญ บารมีธนเศรษฐ์ จบรอบแรกเข้ามา 7 อันเดอร์พาร์ 64 จาก 8 เบอร์ดี้ 1 โบกี้ ดีกว่า ภัทรภูมิ ปาจารย์ 1 สโตรค และ ฐิติพรรษ์ ภาช่วยประคอง นักกอล์ฟวัย 30 ปีจากกรุงเทพฯ ที่คว้าแชมป์ครั้งหลังสุดในศึกเอเชี่ยนทัวร์ที่บังคลาเทศเมื่อปี 2016 จบวันแรกเข้ามา 5 อันเดอร์พาร์ 66 เท่ากับ ตะวัน พงศ์พันธ์​ แชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ที่กัซซัน ขุนตาน เมื่อปี 2019 และ นิวพอร์ต ลาภาโรจน์กิจ ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งชนะรายการของไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ที่อัลไพน์ เชียงใหม่ มาหมาดๆ

 

ในกลุ่มนักกอล์ฟที่ไม่สามารถเล่นจบรอบได้นั้น ขวัญชัย แท่นนิล แชมป์ออลไทยแลนด์ 3 รายการจากหัวหินเล่นไปได้ 16 หลุมมีอยู่ 6 อันเดอร์พาร์ ขณะที่ สุรดิษ ยงค์เจริญชัย, นิติธร ทิพย์พงษ์, กษิดิศ เล็บครุฑ และ สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย มีคนละ 4 อันเดอร์พาร์ โดย สุะดิษ และ นิติธร เล่นไป 17 หลุม ส่วน กษิดิษ และ สุธีพัทธ์ เล่นไปได้ 14 หลุม