มุกดาหาร – ท่านพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมเครือข่ายมุกดาหารเมืองสามธรรม ได้นำคณะตัวแทนผู้ประกอบการเข้าพบผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

พล.ต.อ​.ประชา​ พรหม​นอก​ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมเครือข่ายมุกดาหารเมืองสา​มธรรม​ ได้นำคณะตัวแทนจาก สมาคมเครือข่ายมุกดาหารเมืองสามธรรม, สมาคมหอการค้า จ.มุกดาหาร, สภาอุตสาหกรรม จ.มุกดาหาร, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ตัวแทนผู้ประกอบการภาคธุรกิจ/ภาคเอกชน และ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนง.นครพนม

เข้าพบ​ นายยุทธศักดิ์​ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย​ ณ อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สำนักงานใหญ่) เพื่อหารือช่วยส่งเสริมสนับสนุน งานประเพณี “มหัศจรรย์มุกดาหาร 3 พิภพ” ให้เป็นประเพณีอันดีงามของจังหวัดมุกดาหาร

เนื่องจากจังหวัดมุกดาหาร เป็นเมืองที่น่าอยู่น่าอาศัยที่สวยงาม มีความหลากหลายทั้งทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิต หากแต่ยังไม่มีงานประเพณีประจําปี ที่จะช่วยให้จังหวัดเป็นหนึ่งในจังหวัดที่น่าสนใจ และเป็นจุดหมายปลายทางสําหรับผู้ที่อยากจะเดินทางมาท่องเที่ยวเท่าใดนัก สําหรับการจัดงานประเพณีประจําปีครั้งนี้ เป็นการรวบรวม เอาประเพณีและวัฒนธรรมที่มีมาแต่ดั้งเดิมและที่เกิดใหม่ในปัจจุปันแต่มีบริบทที่ใกล้เคียงกัน มารวมไว้ด้วยกัน เพื่อคงไว้ซึ่งความงดงามตามประเพณีโบราณ แต่เพิ่มเติมทําให้เกิดนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ เพื่อปลุกเมืองแห่งนี้สู่ความรุ่งเรือง รุ่งโรจน์ แบบยั่งยืน

สำหรับประเพณีที่เราได้นํามารวมกันไว้คือ

๑.ประเพณี “ลอยกระจู้ (ก้านจู้) บูชาพระพุทธเจ้า” ซึ่งเป็นประเพณีโบราณดั้งเดิมของ หอเจ้าแม่สองนางพี่น้อง งานนี้จะถูกจัดขึ้นในคืนวันออกพรรษา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกปี

๒.ประเพณี “ทอดกฐินน้ําและลอยกระทงกลางแม่น้ําโขง”เพื่อสักการะ บูชาพญานาคและขอขมา ต่อแม่น้ำคงคา และสิ่งศักดิ์สิทธ์คู่บ้านคู่เมือง งานนี่ถูกจัดขึ้นในคืนวันลอยกระทง โดยเริ่มต้นจากภาคเอกชน

๓.ประเพณี “จุดเทียนขึ้นภู บูชาพระใหญ่” เพื่อบูชาพระเจ้าใหญ่มุกดาศรีไตรรัตน์จึงเปรียบเสมือน ตัวแทนแห่งองค์สมเด็จสัมมาพระพุทธเจ้า บนยอดเขาพระสุเมรุ งานนี้ถูกจัดขึ้นในคืนวันแรม ๑ ค่ํา ของทุกเดือน

ประเพณีทั้ง ๓ ที่ได้กล่าวมานี้ ล้วนมีความงดงามพร้อมมีความหมายที่ดี หากเพียงแต่ที่ผ่านมายังไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก อาจเพราะส่วนมากจะถูกจัดขึ้นภายใน และเนื่องจากทั้ง ๓ งาน มีบริบทแห่งความศรัทธา ที่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน ด้วยเหตุนี้จึงได้เกิดแนวคิดที่จะนําเอางานประเพณีทั้ง ๓ นี้มารวมกัน

เพื่อให้เกิดเป็นงานประเพณีประจําปี ที่มีความยิ่งใหญ่และยั้งยืนของจังหวัดมุกดาหาร ภายใต้ชื่องาน “ประเพณี สวดมนต์เมือง (สูตมุงคุนเมือง) และร่วมทอดกฐิน ๓ พิภพ” โดยงานนี้คณะทำงานได้นำเรื่องราว ความมหัศจรรย์ ของเส้นทางศรัทธา และ องศา 104.43 ที่ตรงกันของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ สักการะสถานทั้ง ๕ แห่ง ของจ.มุกดาหาร โดยเริ่มตั้งแต่องค์พระธาตุพนม – พญานาคดิน – พญานาคน้ำ – พญานาคฟ้า และ

องค์พระใหญ่ บนยอดภูมโนรมย์ มาร้อยเรียงให้เป็นเรื่องราวเดียวกัน โดยได้ผสานความยิ่งใหญ่นี้ไว้ ด้วยงานประเพณี “ทอดกฐิน ๓ พิภพ“ ที่จะจัดขึ้นในครั้งนี้ และเป็น จุดเริ่มต้นแห่งศรัทธา มหาชน ที่จะถูกจัดขึ้นต่อเนื่องในทุกๆปีนับต่อจากนี้ไป โดยการตั้งกองกฐิน ๓ พิภพ ตามสถานที่ตั้งของพญานาคแต่ละพิภพ เพื่อจะได้ถือเป็นการร่วมบุญใหญ่กับพญานาคทั้ง ๓ พิภพ ในห้วงเวลา ที่ต่างกัน โดยปีนี้ จะแยกเป็น

๑.การบวงสรวงและตั้งกองกฐินพญานาคดิน ณ ลานพญาศรี ภุชงค์มุกดานาคราช แก่งกะเบา อ.หว้านใหญ่

๒.การบวงสรวงและตั้งกองกฐินพญานาคน้ํา บริเวณลานพญาอนันตนาคราช สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๒

๓.การบวงสรวงและตั้งกองกฐินพญานาคฟ้า ณ.ลานพญาศรี มุกดามหามุนีนิลปาลนาคราช วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์

๔.ร่วมประเพณีสวดมนต์เมือง (สูตมุงคุนเมือง) แสดงธรรมกลางแม่น้ําโขง (คืนวันออกพรรษา ขึ้น ๑๕ ค่ํา เดือน ๑๑ ) บริเวณลานสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ ๒

๕.ร่วมพิธีทอดกฐิน ๓ พิภพ พร้อม พิธีจุดเทียนขึ้นภูบูชาพระใหญ่ ในวันอังคารที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ (วันแรม ๑ ค่ํา เดือน ๑๑) ณ.วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์

การร่วมบุญใหญ่ในครั้งนี้ จึงถือได้ว่าเป็นการร่วมทําบุญกับพญานาคผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง๓พิภพซึ่งถือเป็นมหาบุญ มหากุศล เพื่อบูชาพระพุทธคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้าผ่านพระใหญ่ฯ. อันเป็นที่เคารพ สักการะ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเราทุกคน งานบุญครั้งนี้ จะถือได้ว่าเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุด แห่งหนึ่งของประเทศไทยกําลังเกิดขึ้นที่จ.มุกดาหาร

ภาพประเพณีการเดินจุดเทียนขึ้นภู บูชาพระใหญ่ โดยมีกองกฐิน ๓ พิภพ เดินนําหน้า ภาพแสงเทียนสีทองที่กําลังมุ่งขึ้นสู่องค์พระใหญ่ปละสายเทียนสีทองที่ลอยลําอยู่เต็มลําน้ําโขง ภาพความงามที่กําลังจะเกิดขึ้นนับจากวันนี้จะได้อยู่คู่กับเมืองมุกดาหารนับจากวันนี้สืบไป…