ททท. ส่งสัญญาณเปิดปีท่องเที่ยวไทย จัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 40 ประจำปี 2565” รูปแบบ Covid Free Event เน้นประสบการณ์ท่องเที่ยวมุมมองใหม่ ต่อยอดแบรนด์ Amazing Thailand

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  นำโดย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และทีมผู้บริหาร พร้อมเดินหน้าพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทยสู่มิติใหม่ สะท้อนสัญญาณความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 40 ประจำปี 2565” ระหว่างวันที่ 18 – 22 กุมภาพันธ์ 2565 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร

ส่งเสริมปีท่องเที่ยวไทย 2565 และ “Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters” มอบประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ปลอดภัย ประทับใจ และแตกต่าง ผสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับเทคโนโลยี การท่องเที่ยวที่พร้อมชูมาตรการสาธารณสุขจัดงานรูปแบบ Covid Free Event

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ททท. ปลุกกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศรับปีท่องเที่ยวไทย 2565 กับ เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 40 ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 18 – 22 กุมภาพันธ์ 2565 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ภายใต้แนวคิด พลิกโฉมการท่องเที่ยวไทย สไตล์ New Normal ให้ปี 2565 เป็นปีท่องเที่ยวไทยมุมมองใหม่

เน้นสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวทรงคุณค่าแบบเมนูท่องเที่ยวที่จะประทับใจและสุขใจกว่าที่เคย สอดรับกับแคมเปญตลาดในประเทศ “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” พร้อมนำส่งคุณค่าการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่โดดเด่นและแตกต่างมาให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ต่อยอดสู่ตลาดประเทศผ่านแคมเปญ “Amazing New Chapters”

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้

นางน้ำฝน บุณยะวัฒน์ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน

การจัดงานครั้งนี้ ททท. ชูหัวใจหลักด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยตามมาตรการสาธารณสุข กำหนดจัดงานรูปแบบ Covid Free Event เพื่อให้มั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยว โดยผู้เข้าร่วมงานต้องได้รับการคัดกรอง 2 จุด คือ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายบริเวณจุดและ Check in ผ่านแอปพลิเคชั่น “ไทยชนะ” (หรือลงชื่อ) ตามข้อกำหนดของสวนลุมพินี

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ

นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านบริหาร

และเมื่อเข้าชมในแต่ละโซนกิจกรรมต้อง แสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนด ผ่านแอปพลิเคชั่น “หมอพร้อม” หรือ แสดงหลักฐานรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี Antigen Test (ATK) ผลเป็นลบ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง จากสถานพยาบาล ทั้งนี้ มีบริการตรวจ ATK ในบริเวณงาน ค่าใช้จ่าย 70 บาท แต่หากติดตั้งแอปพลิเคชั่น Dr.AnyWhere จะเสียค่าใช้จ่าย 35 บาท)

นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง

เมื่อตรวจผ่านแล้วจะได้รับสติ๊กเกอร์ซึ่งสามารถเข้าชมโซนอื่นๆ โดยไม่ต้องตรวจซ้ำ  นอกจากมาตรการดังกล่าวแล้ว ยังมีมาตรการอื่น ๆ ที่ช่วยให้ผู้เข้าชมงานมีความมั่นใจด้านความปลอดภัยมากขึ้น เช่น การกำหนดจำนวนผู้เข้าชมของโซนในแต่ละช่วงเวลา (1 คน/ 4 ตร.ม.)

ซึ่งจะติดตั้งป้ายแจ้งจำนวนอย่างชัดเจน การกำหนดพื้นที่รับประทานอาหาร (เปิดหน้ากาก) การจองคิวชมการแสดงผ่านแอปพลิเคชั่น QueQ การใช้แฟลตฟอร์ม “เพลินไทย” เพื่อแสดงความหนาแน่นของผู้เข้าชมในแต่ละโซนงาน รวมถึงต้องสวมหน้ากากอนามัย และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค DMHTT ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในพื้นที่จัดงาน

สำหรับภายในงาน ททท. ออกแบบประสบการณ์การท่องเที่ยวมุมมองใหม่ พานักท่องเที่ยวออกเดินทางสัมผัสเอกลักษณ์ของ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ ทั้งด้านประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิต ภูมิปัญญาและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ รวมถึงกิจกรรมท่องเที่ยวมิติใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม ผ่าน 9 โซนกิจกรรม ดังรายละเอียดต่อไปนี้

โซนที่ 1 โฉมใหม่ท่องเที่ยวไทย AMAZING NEW CHAPTERS

เริ่มต้นของการเดินทางท่องเที่ยวที่จะพลิกโฉมการท่องเที่ยว ในสไตล์ Base Camp ก้าวสู่พื้นที่สถานี TAT Studio ศูนย์ผลิตข้อมูลและควบคุมการออกอากาศภายในงาน ตื่นตาตื่นใจกับนวัตกรรมท่องเที่ยวใหม่ ในพื้นที่ TAT Travel Tech โชว์เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) Augmented Reality (AR) และExtended Reality (XR) พร้อมเปิดประสบการณ์เหนือระดับทดลองเป็น Virtual Influencer ของ ททท. และท่องเที่ยวผ่านโลก Metaverse สัมผัสประสบการณ์ Casting ใน Studio ของจริงจากทีมงานช่างภาพมืออาชีพ ของ ททท. ใน TAT Modeling แวะชมการจัดแสดงภาพถ่าย

และเช็กอิน อ.ส.ท. ทำกิจกรรม Workshop เรียนวาดภาพสีน้ำโดยวิทยากรมืออาชีพ ทั้งเพลิดเพลินเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมผ่าน Board Game และพบการให้ข้อมูลข่าวสารผ่านเทคโนโลยี Chat Bot และการบริการข้อมูลผ่าน Amazing Thailand eBook ในพื้นที่ 1672 เพื่อนร่วมทาง ไม่เพียงเท่านั้น เพิ่มบรรยากาศชิลๆ ด้วยการแสดงดนตรีและพูดคุยในแบบแคมป์ เบาๆ เพลินๆ จากศิลปินและนักแสดงชื่อดัง อาทิ เที่ยวแบบ Low Carbon กับ กลัฟ – คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์,  ส้ม – มารี  โอ๊ต – ปราโมทย์ และ ป็อป – ปองกูล ที่ยกรายการ Campปลิ้น มาร้อง เล่า เอาฮา ประสาคนเคยแคมป์ และวง เดอะ พาคินสัน เป็นต้น

โซนที่ 2 หมู่บ้านภาคตะวันออก

เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวภาคตะวันออก ภายใต้แนวคิด “East at Ease สบ๊ายสบายภาคตะวันออก” (ธีมสี Emerald) โดดเด่นด้วยแลนด์มาร์กและจุดถ่ายภาพซุ้มประตู สวนลอยฟ้า จำลองประภาคารแหลมงอบ จ.ตราด จุดถ่ายภาพกระดาน SUP Board และซุ้มประตู กิจกรรมปีนผา Soft Adventure ในบรรยากาศสไตล์แคมป์ปิ้ง นักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมสาธิตภูมิปัญญา ตอบโจทย์ความเป็น “Thainess” เช่น สานกระเป๋ากระจูด การทำเดคูพาจเครื่องจักสานใบลาน การทอเสื่อกก การทำผ้ามัดย้อมสีลูกจาก และเอาใจสายกิน สไตล์ “Food Explorer” ร้านลับและอาหารท้องถิ่นที่ห้ามพลาด เช่น ก๋วยเตี๋ยวผัดปู หมูชะมวง ข้าวมันปู จันรอนย่าง ข้าวหลามหนองมน สับปะรดตราดสีทอง

และสนุกสนานไปกับการแสดงของจังหวัดภาคตะวันออก เช่น โชว์หุ่นละครเล็กจากโจหลุยส์ เรื่อง “พระอภัยมณี” ของสุนทรภู่ การแสดงชุด Celebrate of The king รูปแบบ Light & Sound เรื่องราวการรวบรวมไพร่พลที่จันทบุรี ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช การแสดงคาบาเร่โชว์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมี กอล์ฟ คลินิก สามารถเรียนรู้การเล่นกอล์ฟขั้นพื้นฐาน กับคลินิกกอล์ฟ ฝึกฝนฝีมือการไดร์ฟกอล์ฟ จากนักกอล์ฟมืออาชีพด้วย นอกจากนี้ ยังได้สนุกกับการแสดงดนตรีของ Serious Bacon  เอ๊ะ – จิรากร Three Man Down Tilly Birds และ สิงโต – นำโชค

โซนที่ 3 หมู่บ้านภาคกลาง

ก้าวสู่ดินแดนที่ราบลุ่มแม่น้ำ ซึมซับประสบการณ์การท่องเที่ยวสไตล์ “เทรนดี้ C2 ภาคกลาง” (ธีมสี Crimson) โดดเด่นด้วยแลนด์มาร์ค เรือนไทยสีขาว สไตล์โมเดิร์น กับซุ้มประตูบ้านระจันสีขาว พร้อมจุดถ่ายภาพได้จำลองกังหันวิดน้ำเข้านาเกลือขนาดใหญ่ และ นาข้าว สะท้อนความเป็นคนภาคกลางได้เป็นอย่างดี

ภายในโซนนักท่องเที่ยวจะได้พบกับไฮไลท์ร้านอาหารอร่อยเด็ด 7 ย่านน้ำในภาคกลางในบรรยากาศตลาดย้อนยุค และสินค้าชุมชนและเกษตรอินทรีย์ ผ่าน TOCA Platform ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีกิจกรรมสาธิต สร้างงานศิลปะด้วยตัวเอง อาทิ การปักผ้าโบราณ “ผ้าลายอย่าง” สาธิตการวาดหัวโขน การปั้นตุ๊กตาชาววัง การปั้น-เพ้นท์โอ่งจิ๋ว การฉลุลาย การทำโรตีสายไหม เป็นต้น และเพิ่มพลังความสร้างสรรค์ด้วยศิลปะที่ทันสมัยกับซุ้มงานศิลปะกราฟฟิตี้ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงวัฒนธรรมอันวิจิตรหาชมได้ยาก อาทิ การแสดงหนังใหญ่วัดขนอน การแสดงโขนคณะศิษย์นาฏศิลป์ การแสดงหุ่นละครเล็ก รำวงย้อนยุค ลำตัด ลิเก เพลงฉ่อย และการแสดงอื่นๆ อีกมายมาย

โซนที่ 4 หมู่บ้านภาคเหนือ  

เปิดหมู่บ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยกลิ่นอาย “เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ (North Nostalgia)” (ธีมสี Navy)ผสานความร่วมสมัยของงาน หัตถศิลป์ และกิจกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆ ด้วยการใช้สี ณ ฮ่อม (Navy Blue)     ผ่านประสบการณ์ Unseen New Series อาทิ ม่อนหมอกตะวัน จ.ตาก เขาล่องเรือตาหมื่น จ.พิษณุโลก วัดหลวงขุนวิน   จ.เชียงใหม่ ประสบการณ์การดื่มชาและกาแฟ (Tea & Coffee Culture) ประสบการณ์งานเทศกาลประเพณี (Culture & Festival) และประสบการณ์เรื่องราวของอาหารและผลิตภัณฑ์เมืองเหนือ

ห้ามพลาดเช็กอินแลนด์มาร์กจุดถ่ายภาพบันไดพญานาคทางเข้าวัดหลวงขุนวิน จังหวัดเชียงใหม่ เติมความสดชื่นชิมชา-กาแฟเมืองเหนือที่ข่วงตาแจ้ง (Tea & Coffee Culture) ซึมซับเสน่ห์วันวานเมืองเหนือ (North Nostalgia)  เรื่องราวแห่งภูมิปัญญาที่สามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้แก่คนในภาคเหนือ ส่งต่อความอาร์ตสินค้าของคนรุ่นใหม่จากวัตถุดิบชุมชนภาคเหนือในโซนคัวฮอม (Handicraft) พร้อมอุดหนุนของดีชุมชนทั้ง 23 ร้าน ที่กาดเมือง (OTOP) ปิดท้ายเติมเสบียงอาหารเหนือท้องถิ่นแบบลำแต้แต้ในกาดหมั้ว นอกจากนี้ ยังมีการแสดงบอกเล่าวิถีชีวิต อัตลักษณ์ของภาคเหนือ จากศิลปินร่วมสมัยต่างๆ ดนตรีพื้นเมืองผสานดนตรีสมัยใหม่ที่เก่ไก๋น่าประทับใจ

โซนที่ 5 หมู่บ้านภาคใต้  

เดินทางสร้างประสบการณ์ล่องใต้ได้แรงอก ยกสโลแกน Savory South หรอยแรงแหล่งใต้ (ธีมสี Silver )ถ่ายทอดศิลปะ วัฒนธรรมภาคใต้อันเป็นเอกลักษณ์แก่นักท่องเที่ยว ด้วย Theme “Art of Southern” ทั้งการแสดงมโนราห์ หนังตะลุง และลิเกฮูลู ศิลปะการทำอาหารท้องถิ่น โดยมีแลนด์มาร์กและจุดถ่ายภาพสำคัญ ได้แก่ ซุ้มประตู 3 วัฒนธรรม และสตรีทอาร์ตภาคใต้ สื่อถึงประสบการณ์ Once in a lifetime ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องลอง อาทิ ซุ้มประตูอุทยานธรรมเขานาในหลวง จ.สุราษฎร์ธานี ซุ้มประตูเมืองสงขลา เส้นทางธรรมสักการะหลวงปู่ทวด และไอ้ไข่วัดเจดีย์ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกกลุ่มอย่างครอบคลุมนักท่องเที่ยวจะได้หรอยแรงไปกับโซน Roi-Licious ชวนชิมอาหารปักษ์ใต้ รสจัดจ้านหรอยแรงแบบต้นตำรับ อาทิ ขนมหวานป้ากี้ จ.พัทลุง เจ๊ติ้งซาลาเปาทับหลี จ.ระนอง ร้านข้าวหมกลุงดำ จ.สตูล สามช่องซีฟู๊ด จ. พังงา ร้านเจริญข้าวมันไก่เบตงพันธุ์แท้ จ.ยะลา

ส่งต่อเอาใจคอกาแฟ ชวนชมศิลปะการชงเครื่องดื่มยอดนิยมอย่างกาแฟ ชาใต้ที่มีรสชาติไม่แพ้ใครในโซนพี่บ่าวคาเฟ่ และสุดปังกับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นดีไซน์ทันสมัยที่มีให้เลือกอุดหนุนกันแบบจุใจ อาทิ สตูลอันดามันเพิร์ล จ.สตูล Clothear เสื้อผ้าปาเต๊ะร่วมสมัย จ.สงขลา Batik De Nara ผ้าบาติกดีไซน์ทันสมัยจาก จ.ปัตตานี และทำกิจกรรม D I Y handmade ด้วยตนเองได้กับบาราโหม  BARAHOM ผลิตภัณฑ์ผ้าพิมพ์บล็อกไม้ จ.ปัตตานี บ้านโนรา ผลิตภัณฑ์จากลูกปัดโนรา จ.พัทลุง  และเพิ่มความสนุกสนานบนเวทีการแสดง ด้วยการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านจากวิทยาลัยนาฏศิลป์พัทลุง การแสดงมโนราห์ ศิลปะที่ได้รับรางวัลระดับโลกจาก UNESCO และการแสดงจากศิลปินที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ เอกชัย ศรีวิชัย และวงพัทลุง

โซนที่ 6 หมู่บ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ปลดล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยวภาคอีสานผ่านแนวคิด Isan in love หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน (ธีมสี Ivory )เสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ Unseen New series ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 แห่ง ได้แก่ หอโหวด   จ.ร้อยเอ็ด ภูพระ จ.เลย พญานาค 3 พิภพ จ.มุกดาหาร เมืองลอยฟ้าและเมืองใต้พิภพ จ.นครราชสีมา และ โลกของช้าง จ.สุรินทร์ ตลอดจนนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยงวัฒนธรรมประเพณีฮีตสิบสองคลองสิบสี่ของชาวอีสาน โดยมีหอโหวด จ.ร้อยเอ็ด เป็นแลนด์มาร์กสำคัญกลางโซนกิจกรรม ททท. พาตกหลุมรักถิ่นอีสาน ชวนท่องเที่ยวภาคอีสาน พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษจากสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคอีสาน สัมผัสอาหารถิ่นรสแซ่บจัดจ้านในโซนลานแซ่บนัว รวมเมนูเด็ดจากร้านดัง อาทิ ส้มตำไก่ย่างเขาสวนกวาง โคขุนภูเขาไฟ ต่อด้วยโซนตลาดนายฮ้อย นำเสนอมนต์เสน่ห์ของผ้าอีสาน และผลิตภัณฑ์ OTOP 5 ดาว ผ้าไหมแพรวา ผ้าย้อมครามให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเลือกชม เติมชั่วโมงงานอาร์ตกับกิจกรรมสาธิตผลิตภัณฑ์ ภูมิปัญญา ชุมชนท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด

เชื่อมโยงประเพณีฮีตสิบสองคองสิบสี่ อาทิ มาลัยข้าวตอก บุญกระธูปออกพรรษา ประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน พร้อมเสิร์ฟความสนุกกับโซนอีสานสราญศิลป์ จำลองเวทีการแสดงหมอลำภาคอีสานผสานร่วมสมัยในรูปแบบมัลติมีเดีย จากวิทยาลัย    นาฏศิลปกาฬสินธุ์ วิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด และวิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา สำหรับผู้ที่สนใจเดินทางท่องเที่ยวภาคอีสาน ในโซน มีเสนอขายแพ็กเกจพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษจากสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคอีสาน

โซนที่ 7 : STREET FOOD กทม.

นำเสนอสีสันมหัศจรรย์ของการท่องเที่ยวกรุงเทพฯ ความพิเศษของ Street Food ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และสีสันทางวัฒนธรรมของ Street Art จากคลองโอ่งอ่าง ที่ได้รับรางวัลระดับโลกเป็น “ต้นแบบการปรับปรุงภูมิทัศน์” พร้อมพบกับ Street Food ชื่อดัง และร้านอาหารชั้นนำในกรุงเทพมหานครฯ

โซนที่ 8 เวทีกลาง (MAIN STAGE)

พบกับการแสดงวัฒนธรรมและการแสดงจากศิลปินชื่อดัง ได้แก่

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 พิธีเปิดงานเทศกาลเที่ยวเทืองไทยและพิธีเปิดปีท่องเที่ยวไทย2565 และการแสดงวัฒนธรรมร่วมสมัย ชุด “นาฏยนวัตกรรมท่องเที่ยวไทย”

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 พบกับการแสดง อาทิ การแสดงดนตรีในสวน “สวนพลูคอรัส” และการแสดงจากศิลปิน เป๊กกี้ ศรีธัญญา และ INDIGO

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 พบกับการแสดง อาทิ การประกวดเทพีเทศกาลเที่ยวเมืองไทย และการแสดงทางวัฒนธรรม “โขน”

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 พบกับการแสดง อาทิ การแสดงดนตรีในสวน “สวัสดีโชว์” และ การแสดงจากศิลปินสุนทราภรณ์ feat.อลิส Golden song

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 พบกับการแสดง อาทิ การแสดงจากศิลปิน “ฉุลโหฬาร” การแสดงทางวัฒนธรรม “โนราห์เทพ ศรัทธา”

โซนที่ 9 เที่ยวไทยแบบใหม่ STYLE NEW NORMAL

พาเรียนรู้จิ๊กซอว์สำคัญสู่การท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน ประกอบด้วย ลดโลกเลอะ Low Carbon Tourism Innovation Startup และสินค้าทางการท่องเที่ยว ซึ่งมีกิจกรรมไฮไลท์ 3 กิจกรรม ได้แก่

  1. เล่าเรื่อง ท่องเที่ยว BCG ผ่านกาแฟชุมชนในรูปแบบสภากาแฟ โดย กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ไร่กาแฟบ้านซับศิลาทอง จ.นครราชสีมา และ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กาแฟบ้านโป่งลึก อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
  2. สร้างพลังแรงบันดาลใจท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบผ่านบล็อกเกอร์และศิลปิน เช่น Pikaploy , กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา, ก้อง กรีน กรีน , กอล์ฟมาเยือน, วง 4EVE , วี วีโอเล็ต, เบล วริศรา, ลุลา, สินเจริญบราเธอร์
  3. เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ กับกิจกรรม Workshop อาทิ เพ้นท์จานเซรามิค จ.ลำปาง , ทำเสื้อมัดย้อมด้วยสีบาติก จ.ปัตตานี DIY วัสดุรีไซเคิล และเรียนรู้กับ Innovation startup ท่องเที่ยว หัวข้อ “ลงมือทำลงมือเที่ยว ให้ได้เรื่อง” รวมถึงจัดแสดงสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว ผ่านทางแฟนเพจ“7 Greens ท่องเที่ยวสดใส ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” และส่งเสริมการขายเส้นทางท่องเที่ยวรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

ทั้งนี้ ททท. คาดหวังว่า งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2565 ครั้งที่ 40 จะเป็นกิจกรรมการตลาด (Event Marketing) ที่สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวและตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างยั่งยืน ทั้งช่วยผลักดันสถานการณ์ท่องเที่ยว ปี 2565 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย รายได้รวม 1.28 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศ 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 656,000 ล้านบาท และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 10 ล้านคน สร้างรายได้ 625,800 ล้านบาท ดันยอดรายจ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศ เฉลี่ยต่อคน 4,100 บาท และ 62,580 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

เช็ครายละเอียดและ เตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2565 งานที่ทุกคนรอคอย 18-22 กพ. ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น ณ สวนลุมพินี ได้เลยที่ https://เพลินไทย.com/bangkok/TTF2022-TH

หรือชมถ่ายทอดสดงานแถลงข่าวปีท่องเที่ยวไทย 2565 และงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 40 ที่ https://www.facebook.com/AmazingThailand/videos/639714940668372/