เจาะรถเด่น ในบูธ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” เวทีบางกอก อินเเตอร์เนชั่นเเนล มอเตอร์โชว์ 2024

ในงานบางกอกฯมอเตอร์โชว์ 2024  ที่กำลังกระหึ่มมาตั้งเเต่วันที่ 27 มีนาคม ไปจนถึงวันที่ 7 เมษายนนี้ ที่เมืองทองธานี นั้นมีรถหลากหลายกว่า 49 แบรนด์ ทั้งที่นำมาจำหน่าย เเละเเค่นำมาโชว์มากมาย ขณะที่ในบูธรถหรูค่าย “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ก็ไม่เหงามีรถเปิดตัวใหม่เต็มบูธ ที่น่าสนใจดังนี้

GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic

“GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic” ยนตรกรรมที่รวมความเป็นที่สุดในทุกด้านของเอสยูวีขนาด Full-size จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ รังสรรค์ขึ้นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยภายใต้คอนเซปต์ “COMMITTED TO GREATNESS” ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบอันทรงพลังสูงสุดจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ แบบ 6 สูบเรียง ขนาด 2,989 ซีซี 2-stage turbocharger ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated starter generator) พร้อมแบตเตอรี่แบบ 48V electrical system โดยมอบพละกำลังได้สูงถึง 15 กิโลวัตต์ ทำให้รถยนต์คันนี้มีกำลังแรงม้าสูงสุด 367 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 2,800 รอบต่อนาที ใช้เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC) สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 6.1 วินาที

GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic

ดีไซน์ภายนอกถูกออกแบบภายใต้ปรัชญา Sensual Purity ที่ผสานความหรูหราและความแข็งแกร่งอย่างเต็มพิกัด เริ่มต้นด้วยการตกแต่งแบบ AMG Exterior Bodystyling พร้อมการติดตั้งไฟหน้าอัจฉริยะแบบ MULTIBEAM LED สามารถส่องพื้นถนนข้างหน้ารถได้โดยอัตโนมัติ ทั้งยังมีระดับความเข้มของแสงที่สว่างและเหมาะสมกับทุกสภาพแวดล้อม ผสานการทำงานร่วมกับระบบไฟสูง Adaptive Highbeam Assist Plus มอบความปลอดภัยขณะขับขี่ได้อย่างมั่นใจในทุกเส้นทาง ช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 22 นิ้ว พร้อมระบบกันสะเทือนขั้นสูงแบบถุงลม (AIRMATIC) และระบบควบคุมระดับอัตโนมัติ ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ตลอดเส้นทาง ทั้งยังมอบความสะดวกสบายด้วยระบบช่วยปิดประตูแบบ Power closing door ระบบเปิด-ปิด บานประตูท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ (HANDS-FREE ACCESS) หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า และระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO

ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งแบบ AMG interior package ที่ถอดแบบความลักชัวรี่มาจากรุ่น S-Class ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอเชื่อมต่อกัน พร้อมจอแสดงผลแบบ Head-up display ให้การแสดงผลที่คมชัดในทุกสภาพแสง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa และเบาะหนังที่ติดตั้งระบบนวดแบบ MULTI CONTOUR SEAT ช่วยให้ค้นหาตำแหน่งการนั่งได้อย่างเหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์ ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าขณะเดินทาง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีที่ติดตั้งมาอย่างครบครัน อาทิ ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL with ENERGIZING Package แอร์อัตโนมัติ THERMOTRONIC 5 โซน พร้อมระบบปรับสมดุลอากาศแบบ AIR BALANCE package ฯลฯ

ความโดดเด่นอีกด้านหนึ่งของ GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic คือการก้าวสู่ยุคใหม่แห่งความบันเทิงระดับไฮเอนด์ โดยการส่งมอบประสบการณ์สุดเพลิดเพลินให้กับผู้โดยสารด้านหลังโดยเฉพาะ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX7 หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 11.6 นิ้ว จำนวน 2 จอ หูฟังแบบไร้สาย 2 ชุด และแท็บเล็ตบริเวณเบาะโดยสารตอนหลัง ให้ผู้โดยสารด้านหลังสามารถท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งยังสามารถรับชมภาพยนตร์ความละเอียดสูง และฟังเพลงด้วยระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester® 3D surround sound system ทรงพลังด้วยลำโพงคุณภาพสูง 13 ตัว รอบห้องโดยสารที่มีกำลังขับขนาด 590 วัตต์ และเทคโนโลยี Dolby Atmos® ให้ความรื่นรมย์ราวกับนั่งฟังเพลงในสตูดิโอระดับเฟิร์สคลาส โดยสามารถปรับให้เหมาะสมกับผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลังอย่างลงตัว

-Mercedes-AMG G 63 “Grand Edition”

ขณะที่ Mercedes-AMG G 63 “Grand Edition” ก็โดดเด่นไม่เเพ้ใคร Mercedes-AMG G 63 ยนตรกรรมสุดคลาสสิคในรูปแบบเอสยูวีขนาดใหญ่ ภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ดุดันในสไตล์ G-Class มาพร้อมชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ “Grand Edition” ที่มีจำหน่ายในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันทั่วโลกเท่านั้น ทรงพลังด้วยสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซินรหัส M177 V8 สูบ 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี พร้อมระบบจ่ายน้ำมันแบบ Direct-Injection พ่วงระบบอัดอากาศ Bi-Turbo ให้กำลังสูงสุด 585 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่ 2,500 – 3,500 รอบต่อนาที ติดตั้งเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT อัตโนมัติแบบ 9 จังหวะ มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG PERFORMANCE 4MATIC all-wheel drive ที่ทำให้รถยนต์คันนี้เป็นสุดยอดยนตรกรรมสำหรับการตะลุยเส้นทางแบบออฟโรดได้อย่างไร้ที่ติ

Mercedes-AMG G 63 “Grand Edition

ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยสีตัวถังพิเศษ สีดำ MANUFAKTUR Night Black Magno ตกแต่งเพิ่มเติมบริเวณกันชนหน้าและหลังด้วยสีทอง และตราดาวที่กระจังหน้า เสริมความลักชัวรี่ด้วยโลโก้ดาวสามแฉกที่ฝาครอบยางอะไหล่ ลวดลายกราฟิกสีทอง Kalaharigold รวมถึงโลโก้ AMG และ Mercedes บริเวณรอบคันรถ ช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้ว สีทอง Tech Gold พร้อมฝาครอบดุมล้อสีดำด้านและตราดาวสามแฉกสีทองด้านในที่ตัดด้วยคาร์ลิปเปอร์สีแดงจาก AMG และเมื่อเข้ามายังภายในรถยนต์ ยังคงความลักชัวรี่ด้วยการตกแต่งที่เน้นสีดำและสีทองเป็นหลัก รังสรรค์ด้วยวัสดุโครเมียมแบบด้าน และตกแต่งด้วย ทริมลวดลายคาร์บอนไฟเบอร์ที่ผสานเส้นใยสีทองแดง มาพร้อมเบาะนั่งหุ้มหนังแท้สีดำ MANUFAKTUR  black Nappa เดินตะเข็บด้ายสีทองรอบตัวเบาะ ทั้งยังมีการติดตั้งเทคโนโลยี ระบบความบันเทิง และระบบความปลอดภัยอย่างครบครัน พร้อมส่งมอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้เดินทางด้วยความประทับใจในทุกโมเมนต์

 

-Mercedes-Benz Vision One-Eleven

รถยนต์สปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงจาก C 111 โมเดลในตำนานของยุคปี 1969 มาพร้อมความโดดเด่นเหนือจินตนาการด้วยการออกแบบสุดล้ำสมัย แสดงถึงดีไซน์อันเหนือระดับแบบ one-bow concept เน้นความสง่างามของเส้นสายตัวรถและความโค้งมน เกิดเป็นนิยามใหม่ของศิลปะแห่งการออกแบบ พร้อมดึงดูดสายตาผู้คนบนท้องถนนด้วยการกลับมาของประตูปีกนกสีส้มทองแดงอันเป็นเอกลักษณ์ สื่อถึงการเปิดประตูสู่อนาคตแห่งความหรูหราที่แฝงไปด้วยความสปอร์ต โดดเด่นด้วยกระจังหน้ารูปตัว U และการติดตั้งไฟหน้าและไฟท้ายอันตระการตา ผสานการทำงานเข้ากับนวัตกรรมการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแบบทรงพลังพิเศษในชุดมอเตอร์ Axial-flux ที่สร้างโดยบริษัท YASA ผู้ผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าสัญชาติอังกฤษ ที่อยู่เบื้องหลังมอเตอร์พละกำลังสูงใน Mercedes-AMG พร้อมนำเสนออีกระดับของประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานในการขับเคลื่อนยานยนต์

Mercedes-Benz Vision One-Eleven

ดีไซน์ภายในเน้นความเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความทันสมัย เริ่มต้นด้วยจอแสดงผลที่ยาวพาดไปกับคอนโซลหน้า แสดงผลข้อมูลรถยนต์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามความต้องการด้วยความละเอียดสูง ติดตั้งเบาะนั่งสีเงินตัดกับสีส้ม สามารถเลือกได้ทั้งโหมด Race mode และโหมด Lounge mode ที่จะปรับองศาการนั่งไปตามสถานการณ์ในการขับขี่ และพวงมาลัยทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าหุ้มหนังที่ติดตั้งระบบควบคุมการทำงานต่าง ๆ ไว้อย่างครบครัน เมื่อผสมผสานระหว่างสมรรถนะ ดีไซน์ และเทคโนโลยี ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถสะท้อนแนวคิดของยนตรกรรมที่เปิดรับทุกความเป็นไปได้ของอนาคต จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมในตำนานและการขับขี่ที่สง่างาม

 

– GLC 350 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic

GLC Coupé เป็นรถเอสยูวีทรงสปอร์ตคูเป้รุ่นที่สองหลังจากเอสยูวี Mid-size อย่าง GLE Coupé โดยเปิดตัวเจเนเรชั่นแรกเมื่อปี 2016 ต่อมามีการปรับโฉมในปี 2019 จนเดินทางมาถึงเจเนเรชั่นที่ 2 ภายใต้รหัสตัวถัง C254 มาพร้อมการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสมรรถนะแบบสปอร์ตและเทคโนโลยีล้ำสมัย ภายใต้คอนเซปต์ “PACKED WITH PASSION” ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังรูปแบบปลั๊กอินไฮบริดผ่านเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 550 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.7 วินาที โดดเด่นด้วยระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าที่ไกลถึง 120 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 60 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 80% เพียง 20 นาที สะดวกสบายด้วยพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่สามารถจุได้มากถึง 390 – 1,335 ลิตร (เพิ่มขึ้น +40L. และ +85L.)

GLC 350 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic

ดีไซน์ภายนอกของ GLC 350 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic ตกแต่งด้วยชุดแต่ง AMG Line ติดตั้งไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT พร้อม Adaptive Highbeam Assist ที่ส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร ด้านบนเพิ่มหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้า ส่วนช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว ผสานการทำงานของ Air comfort suspension in rear เสริมความปลอดภัยขณะขับขี่ไปอีกขั้นด้วยระบบเตือนให้ขับอยู่ในเส้นทาง (Lane Tracking Package) นอกจากนี้ ยังตอบโจทย์การขับขี่แบบ Off-Road ด้วยการติดตั้ง Off-Road Engineering Package ที่มีการเสริมเหล็กใต้ท้องรถแบบ Underbody protection พร้อมกล้องรอบคัน 360° ที่ให้การแสดงผลใหม่แบบ Transparent bonnet ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นภาพจริงที่บริเวณพื้นด้านหน้ารถและใต้ท้องรถในขณะขับขี่ อีกทั้งยังมีความปลอดภัยที่มีการติดตั้งมาอย่างเต็มระบบ