“วินฟาสต์” แบรนด์ยักษ์เวียดนาม ประกาศบุกไทยเต็มสปีด เปิดตัว VF e34 มิ.ย.นี้

“วินฟาสต์” แบรนด์รถยนต์หน้าใหม่จากเวียดนาม กำลังสยายปีกสู่ประเทศไทย และพร้อมท้าชิงผู้เล่นที่มีฐานธุรกิจอันแข็งแกร่งกว่าในตลาดที่ได้ชื่อว่าเป็น “ศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ของโลก” เดินหน้าบุกตลาดรถในไทยเต็มสปีด เตรียมส่งรุ่น VF e34 ในเดือนมิถุนายน 2567 รุ่น VF 5 ในเดือนสิงหาคม หรือกันยายน 2567 และรุ่น VF 6 และ VF 7 ภายในสิ้นปีนี้

สำหรับวินฟาสต์คือบริษัทผลิตรถยนต์ในเครือของวินกรุ๊ป บริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 และเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2564 จากนั้นได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ในปี 2566 ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญซึ่งทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

นับจากนั้น วินฟาสต์ก็ค่อยๆ เริ่มขยายธุรกิจสู่ตลาดใหญ่ของโลก อย่างสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยปัจจุบัน กำลังสร้างโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าในรัฐนอร์ธแคโรไลนา สหรัฐฯ และอินเดีย และมีแผนจะสร้างโรงงานเพิ่มเติมในอินโดนีเซีย ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่เริ่มก่อตั้งได้ไม่นานเป็นผลมาจากกลยุทธ์ที่ดี รวมทั้งการศึกษา
วิจัยตลาดอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ

จากประสบการณ์ในระดับโลกสู่ความสำเร็จในตลาดโลคอล

ในปีนี้ วินฟาสต์เล็งขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง โดยอาศัยประสบการณ์จากตลาดในอเมริกามาจับตลาดประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย และไทย ซึ่งได้รับประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน

เมื่อเร็วๆ นี้ วินฟาสต์ประกาศแผนเปิดตัวรถยนต์หลากหลายรุ่นในประเทศไทยภายใน 2567 นี้ ประกอบด้วย รุ่น VF e34 ในเดือนมิถุนายน 2567 รุ่น VF 5 ในเดือนสิงหาคม หรือกันยายน 2567 และรุ่น VF 6 และ VF 7 ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์เชิงรุกที่กำหนดมาเพื่อแข่งขันกับแบรนด์ EV ของจีนที่เริ่มติดตลาดประเทศไทยแล้วในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ VF e34 ที่จะเปิดตัวในเร็วๆนี้เป็นรถซับคอมแพกต์เอสยูวี มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 242 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ความจุ 42 kWh ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทาง 318 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)

ฮานา วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินฟาสต์ ออโต้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เป้าหมายแรกของเราคือ การวัดผลตอบรับของตลาดไทย เราอยากรู้ว่ารถยนต์รุ่นใดของวินฟาสต์ที่โดนใจผู้บริโภคชาวไทยมากที่สุด”

แม้ว่าตลาดรถยนต์ในประเทศไทยจะมีการแข่งขันสูง แต่วินฟาสต์เชื่อมั่นว่ายังมีแนวโน้มที่ดีสำหรับการรุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้าของไทย  ยิ่งไปกว่านั้นเป็นที่รู้กันดีว่าผู้บริโภคชาวไทยมีความพิถีพิถันและความต้องการรถยนต์ที่สะท้อนถึงตัวตนของเจ้าของ มากกว่าความเหมาะสมในการใช้งานจริง และมักเลือกใช้รถยนต์ที่สอดคล้อง และสะท้อนให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ของตนเอง

ด้วยเหตุนี้ วินฟาสต์จึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย เช่นเดียวกับในตลาดอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่นรุ่น VF 5 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในประเทศไทยในปลายปีนี้ จะมุ่งเน้นความเป็นรถยนต์สำหรับครอบครัว ซึ่งเหมาะสำหรับคนเมืองส่วนใหญ่

“ความยืดหยุ่นเป็นกุญแจสำคัญในแผนการจัดจำหน่ายของเรา และเราพร้อมที่จะปรับตัวให้สอดคล้องกับผลตอบรับและความต้องการของตลาดประเทศไทย” ซีอีโอของวินฟาสต์ ออโต้ (ประเทศไทย) กล่าว

บริการแบตเตอรี่แบบสมัครสมาชิก โซลูชั่นเพื่อคนไทย

ตลาด EV ที่กำลังเติบโตไม่ได้รับประกันว่าผู้เล่นทุกรายจะสามารถคว้าส่วนแบ่งได้เท่ากัน ด้วยบทเรียนจากประสบการณ์ในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก วินฟาสต์ใช้อินไซต์จากลูกค้าเป็นข้อมูลในการตัดสินใจทางธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งปัจจัยสำคัญหนึ่งคือค่าใช้จ่าย

วินฟาสต์เชื่อว่าบริการแบตเตอรี่รถไฟฟ้าในระบบสมัครสมาชิกของบริษัทซึ่งจะเตรียมเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ จะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ โดยวินฟาสต์จะจำหน่ายรถยนต์ที่ไม่ได้ติดตั้งแบตเตอรี่ และผู้ซื้อรถสามารถเช่าแบตเตอรี่โดยจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นรูปแบบที่วินฟาสต์ใช้มาแล้วในอินโดนีเซีย

ด้วยการแยกแบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่แพงที่สุดในรถยนต์ไฟฟ้าออกจากตัวรถ วินฟาสต์เชื่อว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายก้อนแรกในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมาก และลดค่าใช้จ่ายโดยรวมในการใช้รถ EV สู่ระดับที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

บริษัทยังมีนโยบายหลังการขายที่ดีเยี่ยม ด้วยการบำรุงรักษาและการเปลี่ยนแบตเตอรี่ฟรีเมื่อพบว่าความจุของแบตเตอรี่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (หรือ 70% ของความจุเดิม) เพื่อให้มั่นใจว่าแบตเตอรี่มีสมรรถนะที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งาน