SUZUKI XL7 ทูโทน ดุดัน ทะมัดทะแมง แรงพอตัว

ปัจจุบันตลาดรถ SUV และ MPV ในประเทศไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ด้วยความอเนกประสงค์และตอบโจทย์การใช้งานอันหลากหลาย ทำให้รถในกลุ่มนี้มีการแข่งขันกันสูงมาก ประกอบกับในตลาดมีรถให้เลือกมากขึ้น ล่าสุดค่ายซูซูกิ ปรับปรุง SUZUKI XL7 ให้ดูดุดันมากขึ้น ด้วยการเพิ่มสีหลังคาดำ และสีครอบกระจกมองข้างดำ ส่งผลให้ตัวรถดูมีมิติที่น่ามองและแฝงไปด้วยความทะมัดทะเเมง เพื่อให้รถได้ถ่ายทอดความสามารถด้านสมรรถนะ ปลายสัปดาห์ก่อนซูซูกิจึงชวนผู้สื่อข่าวสายยานยนต์ พร้อม “AutoPreview” ออกไปขับรถรุ่นนี้ในเส้นทางลูกรัง

SUZUKI XL7 โฉมทูโทนที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนคือ หลังคาสีดำ และครอบกระจกมองข้างสีดำ ตัวรถถูกออกแบบและพัฒนา ด้วยแนวคิด THINK XL คิดได้เกินคาด ไปได้เกินใคร เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิตคำนึงถึงทุกฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบครัน นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่าง โดยจุดเด่นสำคัญ คือ เป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาด 7 ที่นั่ง ที่สามารถใช้งานได้จริงในทุกพื้นที่โดยสาร ตัวรถถูกออกแบบให้มีความสูงขึ้นเพื่อให้สามารถเดินทางไปได้หลากหลายเส้นทางเหมาะกับสภาพถนนเมืองไทย ตอบโจทย์การขับขี่ได้ทั้งในเมืองและนอกเมืองเป็นอย่างดี ครบครันด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานเหนือระดับ ในราคาที่ผู้บริโภคตัดสินใจเป็นเจ้าของได้ง่าย

SUZUKI XL7 ทรงพลังกับเครื่องยนต์ K15B ขนาด 1.5 ลิตร มอบกำลังสูงสุดถึง 105 แรงม้า/6,000 รอบต่อนาที แรงบิดที่ 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ปรับตั้งประสิทธิภาพเครื่องยนต์และอัตราทดเกียร์ให้เหมาะกับการขับขี่อย่างลงตัว ผสานกับแพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซูซูกิ ซึ่งช่วยเสริมสมรรถนะในการขับเคลื่อนเป็นไปอย่างคล่องตัว สนุกสนาน ปลอดภัย และประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น


ดีไซน์ภายในบริเวณคอนโซลด้านหน้าสไตล์สปอร์ต ตกแต่งวัสดุด้วยลาย Carbon Fiber พร้อมคิ้วโครเมียม อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่พร้อมรองรับการใช้งานอย่างครบครัน อาทิ มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงผลแจ้งสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่น Driving G-Force อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราแรงบิด กำลังของเครื่องยนต์ และข้อมูลอื่นๆ ที่ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจและสนุกในทุกสภาวะถนน ทั้งยังเชื่อมต่อกับความบันเทิงในทุกเส้นทางด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว มาพร้อมระบบปรับแต่งเสียงและประมวลผลในแบบดิจิทัล (Digital Sound Processor) เพิ่มมิติและความสุนทรีย์ให้กับเสียงเพลง พร้อมฟังก์ชันเชื่อมต่อ Bluetooth การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay, Android Auto รวมไปถึงช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI ที่บริเวณคอนโซลหน้า อีกทั้งช่องจ่ายไฟสำรอง 12V มากถึง 3 ตำแหน่ง เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างลงตัว


ระบบช่วงล่างได้รับการออกแบบและปรับแต่งอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดี สร้างความมั่นใจในทุกสภาวะถนนกับเหล็กกันโคลงด้านหน้า (Front Stabilizer) ขนาดใหญ่พิเศษลดอาการโคลงของตัวรถและเพิ่มการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม

ด้านความปลอดภัยมาพร้อมกับระบบถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า ระบบเบรก ABS ช่วยป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกระทันหัน พร้อมระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรกได้อย่างสมดุล เสริมด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว ESP และการปรับแต่ง module ในพวงมาลัยที่เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ให้เข้าโค้งได้แม่นยำ

ขณะที่การได้ลองขับ SUZUKI XL7 เส้นทาง กรุงเทพฯ-หัวหิน บนเส้นทางในเมืองรถก็ให้ความคล่องตัวดี ขณะที่นอกเมืองก็สามารถใช้ความเร็วได้ตามต้องการ อีกทั้งยังสามารถไปลุยเส้นทางออฟโรดที่เป็นหิน ดินลูกรัง ทั้งขึ้น-ลงเนินชายเขา ประกอบกับดีไซน์ที่ให้ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถสูงถึง 200 ม.ม. ทำให้สามารถขับขี่ในสภาพถนนที่มีน้ำท่วมขังได้สบายมาก สรุปได้ตามนี้ “ตัวรถก็ดูดุดัน ทะมัดทแมง พอใช้งานก็แรงพอตัว”..!?

สำหรับราคาของ SUZUKI XL7 สีทูโทนดังกล่าว ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ จนกว่าจะถึงงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 วันที่ 23 มีนาคมนี้ ถึงจะมีคำตอบ แต่ที่เเน่ๆรุ่นปัจจุบันที่ขายอยู่บนโชว์รูมมันมีค่าตัวแค่ 7.79 แสนบาท…ใครสนใจรถสไตล์นี้อยู่อย่ารอช้า