ทีม Maserati MSG Racing ก้าวเข้าสู่ฤดูกาลใหม่อันน่าตื่นเต้นที่ เม็กซิโก ซิตี้ ประเดิมสนามแรกกับรถแข่ง Gen3 ในรายการ Formula E

การแข่งขัน Mexico City E-Prix ในประเทศเม็กซิโก ถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2016 เป็นสนามแข่งขันที่เหมาะกับรถแข่ง Formula E 1 ที่นั่ง ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า

สำหรับการแข่งขัน Mexico City E-Prix ในปีนี้ ทีม Maserati MSG Racing ก้าวเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ และประเดิมสนามแรกในรอบ 12 ปี กับรถแข่ง Gen3 ที่เมืองเม็กซิโก แต่กลับพลาดตำแหน่งท็อปเทนไปอย่างเฉียดฉิว จากการแข่งขันที่สนาม Autódromo Hermanos Rodríguez

ระหว่างการแข่งขันอันน่าตื่นเต้น นักแข่ง Edoardo Mortara และ Maximilian Günther ได้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์มากมายในสนามเปิดฤดูกาลครั้งที่ 9 และนักแข่งทั้ง 2 คน ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านความเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับผลการทดสอบช่วงก่อนเปิดฤดูกาล

action, eprix
Maximilian Gunther, Maserati MSG Racing, Maserati Tipo Folgore

สำหรับความท้าทายในรอบควอลิฟาย คือ นักแข่งทั้ง 2 คน ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบ Duel ได้ ทำให้ต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากโดยเริ่มต้นการแข่งขันจากอันดับที่ 16 และอันดับที่ 17

Edoardo สามารถก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 15 ในรอบแรกด้วยการแซงหน้า René Rast จากทีม McLaren ทว่า การแข่งขันก็ต้องชะงัก หลังอุบัติเหตุรถ Robin Frijns ทำให้เซฟตี้คาร์ต้องออกมา

การแข่งดำเนินต่อในรอบที่ 5 แต่ก็หยุดลงอีกครั้ง เมื่อรถแข่งของ Sam Bird จากทีม Jaguar จอดเสียบนแทร็ก โดยธงเขียวได้โบกสะบัดอีกครั้งในรอบที่ 9

Edoardo และ Maximilian สามารถขึ้นนำ Dan Ticktum ได้หลังจากรีสตาร์ต โดยที่ Maximillian สามารถแซง Rast ที่ใช้ Attack Mode ขึ้นมาเป็นที่ 15

รอบที่ 18 รถแข่งของ Edoardo เกิดอาการอันเดอร์สเตียร์จนได้รับอุบัติเหตุ และออกจากการแข่งขัน ทีมจึงเหลือเพียง Maximilian คนเดียวที่ยังวิ่งอยู่จนจบการแข่ง

การใช้ Attack Mode ในช่วงท้าย ส่งผลให้นักแข่งชาวเยอรมันแซงหน้า Jean-Éric Vergne จากทีม DS Penske ในรอบสุดท้าย ก่อนเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 11 พลาดคะแนนสะสมไปอย่างเฉียดฉิว

ฤดูกาลที่ 9 ของ Formula E จะแข่งสนามถัดไปในวันที่ 27 และ วันที่ 28 มกราคม โดยแบ่งการแข่งเป็น 2 สนาม ณ Riyadh Street Circuit ในเมือง Diriyah ซึ่งเป็นมรดกโลกขององค์กรยูเนสโก

James Rossiter หัวหน้าทีม Maserati MSG Racing กล่าวว่า

“สำหรับผมถือว่าเป็นวันที่ไม่ง่ายนัก แต่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตคุณจะได้เรียนรู้อย่างมากจากวันอันเลวร้ายเหล่านี้ ในรอบควอลิฟายไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ทำให้เราต้องตกที่นั่งลำบาก แต่ในรอบการแข่งขันสุดท้ายพวกเรากลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง เมื่อ Maximilian สามารถเร่งความเร็วจากอันดับที่ 17 ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 11 ได้อย่างสวยงาม ส่วน Edoardo สามารถดึงศักยภาพออกมาแต่กลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและน่าเสียดายเพราะการแข่งขันของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นพวกเราจึงมีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้และมีข้อมูลที่เราต้องดำเนินการต่อในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อที่จะได้อยู่ในอันดับการแข่งขันที่ดียิ่งขึ้นสำหรับสนามถัดไปในเมือง Diriyah”