เปิดเเล้ว MB Empire ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ สุดเอกซ์คลูซีพ แห่งใหม่ บนถนนรามอินทรา

กลุ่มสวนหลวง ออโต้เฮ้าส์ สานต่อความสำเร็จด้านผู้นำศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์แบบครบวงจรของไทย ทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาท สร้างศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์รูปแบบใหม่ (Authorized Service Center) ที่ให้บริการแบบ One Stop Service บนเนื้อที่กว่า 6 ไร่ บนถนนรามอินทรา บริหารโดยทีมงานมืออาชีพ ภายใต้มาตรฐานเดียวกันกับสวนหลวง ออโต้เฮ้าส์ (Suanluang Autohaus) ถนนศรีนครินทร์ และ เอ็มบี สุขุมวิท (MB Sukhumvit) สุขุมวิทซอย 83 พร้อมระบบ Star Member ที่เชื่อมโยงฐานข้อมูลสมาชิกของทั้ง 3 ศูนย์บริการในเครือเข้าไว้ด้วยกัน โดดเด่นด้วยพื้นที่รับรองลูกค้าที่มีขนาดใหญ่กว่า 1,200 ตารางเมตร ด้วยศักยภาพในการรองรับรถยนต์เข้าใช้บริการมากถึง 500 คันต่อเดือน

นางสาวกฤตรินทร์ ลิ้มราบรื่น กรรมการบริหาร บริษัท สวนหลวง ออโต้เฮ้าส์ จำกัด ผู้บริหารกลุ่มศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้ง (Authorized Service Center) จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ประกอบด้วย สวนหลวง ออโต้เฮ้าส์, เอ็มบี สุขุมวิท และ เอ็มบี เอ็มไพร์ เปิดเผยว่า ตลอด 25 ปีที่ดำเนินธุรกิจกลุ่มบริษัทของเราให้ความสำคัญกับการให้บริการหลังการขายมาโดยตลอด เพราะเชื่อมั่นว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างการเติบโตแบบยั่งยืนให้กับธุรกิจ ที่สำคัญยังสร้างความพึงพอใจและความประทับใจให้แก่ลูกค้า เพราะลูกค้าในปัจจุบันนอกจากจะพิจารณาที่คุณภาพของตัวสินค้าทั้งแบรนด์และรุ่นของรถยนต์แล้ว การให้บริการหลังการขายยังถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจร่วมด้วย ดังนั้นการให้บริการที่มีคุณภาพ ตรงตามมาตรฐานของแบรนด์อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์จึงเป็นเรื่องพื้นฐานที่ผู้ประกอบธุรกิจศูนย์บริการจะต้องคอยเติมเต็มและรักษามาตรฐานเอาไว้ให้ได้ การดูแลรถยนต์เป็นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ผู้ให้บริการต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่น และมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ตลอดอายุการใช้งานของรถยนต์หรือตลอดเวลาที่ลูกค้าได้ใช้งานรถ สิ่งเหล่านี้คือหลักคิดในการดำเนินธุรกิจของเรามาโดยตลอด

กฤตรินทร์ ลิ้มราบรื่น กรรมการบริหาร บริษัท สวนหลวง ออโต้เฮ้าส์ จำกัด

“เอ็มบี เอ็มไพร์ (MB Empire) เป็นศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์รูปแบบใหม่ (Authorized Service Center) ที่ต่อยอดความสำเร็จมาจาก เอ็มบี สุขุมวิท ให้บริการแบบ One Stop Service และดูแลลูกค้าแบบเอกซ์คลูซีฟ เพื่อพร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าในย่านรามอินทราที่รายล้อมด้วยโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพจำนวนมาก เราจึงเชื่อมั่นว่าการลงทุนพัฒนาศูนย์บริการแห่งใหม่นี้จะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างแน่นอน” นางสาวกฤตรินทร์ กล่าว

ด้านนายก่อเกียรติ ลิ้มราบรื่น กรรมการบริหาร บริษัท สวนหลวง ออโต้เฮ้าส์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ เอ็มบี เอ็มไพร์ กล่าวว่า เอ็มบี เอ็มไพร์ รวมเอาบริการทุกอย่างสำหรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งงานเช็คระยะ ซ่อมบำรุงโดยทั่วไป และงานวิเคราะห์อาการ ซึ่งปัจจุบันสามารถให้บริการรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ครบทุกประเภท ทั้ง Mercedes-Benz, Mercedes EQ และ Mercedes AMG นอกจากนี้ ยังมีศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ให้บริการแบบ One Stop Service ดูแลงานซ่อมทุกขั้นตอนร่วมกับบริษัทประกันภัยที่เป็นคู่ค้ากว่า 15 ราย นอกจากนี้ ยังมีระบบ Star Member อันเป็นระบบสมาชิกที่เชื่อมโยงฐานข้อมูลของทั้ง 3 ศูนย์บริการในเครือเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้ระบบ Star Member นี้ สมาชิกทุกท่านจะสามารถสะสมคะแนนจากการนำรถเข้ารับบริการ ได้รับส่วนลดตามโปรโมชัน และรับสิทธิพิเศษต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

ก่อเกียรติ ลิ้มราบรื่น กรรมการบริหาร บริษัท สวนหลวง ออโต้เฮ้าส์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ เอ็มบี เอ็มไพร์

“เอ็มบี เอ็มไพร์ พร้อมจะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้า ด้วยการเนรมิตพื้นที่รับรองลูกค้า (Service Facility) ที่มีขนาดใหญ่กว่า 1200 ตารางเมตร ออกแบบมาเพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุด โดยมีการจัดสรรพื้นที่อย่างลงตัวเพื่อให้เป็น Customer Lounge ในพื้นที่ Double volume ขนาดใหญ่ มอบความเป็นส่วนตัวและความปลอดโปร่งในเวลาเดียวกัน Private Office ที่ลูกค้าสามารถทำการจองล่วงหน้า เพื่อเข้าใช้งานระหว่างนำรถเข้ารับบริการ Co-working space ที่มีทั้งโต๊ะประชุมขนาดเล็ก และโต๊ะทำงานส่วนตัว บริเวณชั้นลอย รวมถึง Star Café และ Star Member Lounge ซึ่งให้บริการอาหารและเครื่องดื่มที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีตลอดวัน”นายก่อเกียรติกล่าว

ด้านศักยภาพการรองรับลูกค้านั้น นายก่อเกียรติ กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบัน เอ็มบี เอ็มไพร์ มีรถเข้าใช้บริการเฉลี่ย 250 คันต่อเดือน ด้วยศักยภาพของศูนย์บริการแห่งนี้เราสามารถรองรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้มากถึง 500 คันต่อเดือน โดยตั้งเป้าว่าในปี 2567 จะมียอดผู้นำรถเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น 10% โดย Star Member จะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์และมอบประสบการณ์การเข้ารับบริการให้กับลูกค้า ในอนาคตอาจมีโปรเจคร่วมกันระหว่างแบรนด์อื่นๆ ที่มีกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์คล้ายคลึงกัน อาจเริ่มต้นจากกลุ่มธุรกิจ hospitality เช่น โรงแรม สปา หรือ ร้านอาหารต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่และความประทับใจสูงสุดอยู่เสมอ”