“โตโยต้า” พร้อมออกศึกยานยนต์ไฟฟ้า เตรียมส่ง ปิกอัพ BEV ปลายปี 2025 พร้อมรถพลังทางเลือกอื่นที่เหมาะกับคนไทย

โตโยต้าเดินเกมตลาด ทุกการขับเคลื่อนเพื่อทุกคน MOBILITY FOR EVERYONE”  นำเสนอทางเลือกหลากหลายสำหรับลูกค้าที่ต้องการแตกต่างกัน เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้รถตรงกับความต้องการมากที่สุด เตรียมส่งปิกอัพไฟฟ้าปลายปี 2025 พร้อมกับพิจารณาเทคโนโลยีทางเลือกอื่นๆ ที่เป็นไปได้และเหมาะสมกับตลาดประเทศไทย ปรับลดยอดคาดการณ์ขายรวมเหลือ 730,000 คัน ตั้งเป้าขาย 250,000 คัน

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงข่าวเปิดบูธงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์  ครั้งที่ 45ภายใต้แนวคิด “ทุกการขับเคลื่อนเพื่อทุกคน MOBILITY FOR EVERYONE” ขอบคุณความไว้วางใจจากคนไทย พร้อมนำทัพรถเปิดตัวใหม่ อาทิ ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับปรุงใหม่ และโคโรลล่า ครอสใหม่ พื่อให้ทุกคนสัมผัส พร้อมทดลองขับและเลือกเป็นเจ้าของ ตลอดจนมั่นใจสูงสุดกับ 13 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี “Car of The Year 2024” พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษในงาน และผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567 ณอาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

บูธโตโยต้า คอนเซ็ปต์ “ทุกการขับเคลื่อนเพื่อทุกคน” (Mobility for Everyone)

โดยจัดแสดงภายใต้คอนเซ็ปต์ “ทุกการขับเคลื่อนเพื่อทุกคน” (Mobility for Everyone) ซึ่งท่านจะได้พบกับยนตรกรรมรุ่นใหม่หลายรุ่นภายในบูธ โดยแบ่งโซนในการจัดแสดง ได้แก่

  1. โซนรถยนต์ไฮบริด โตโยต้าได้สร้าง “ความอุ่นใจ” ในการใช้รถยนต์ไฮบริด ตั้งแต่ได้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระบบไฮบริดเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ด้วยการแนะนำคัมรี่ ไฮบริด ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ส่งผลให้ปัจจุบันยอดจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดสะสมของโตโยต้าอยู่ที่กว่า 196,000 คัน ซึ่งเรานำความเชื่อมั่นมาสู่ใจลูกค้าโตโยต้าในทุกด้าน ด้วยผลิตภัณฑ์ การบริการ และบริการสินเชื่อแบบครบวงจรในครั้งนี้ เรานำโตโยต้า โคโรลล่า ครอส ใหม่ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้า ไปตั้งแต่เปิดตัวช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เรายังนำทัพรถยนต์ไฟฟ้าระบบไฮบริด อาทิ ยาริส ครอส, คัมรี, โคโรลล่า อัลติส และ อินโนวา ซีนิกซ์ มาให้ทุกท่านได้สัมผัสกันตามความชื่นชอบและไลฟ์สไตล์ของตัวเองด้วย

  1. โซนไฮลักซ์“รถกระบะมหาชน” ยอดขายอันดับ1 ที่ตอบโจทย์คนไทยตั้งแต่กลุ่มขนส่งและกลุ่มที่ใช้เป็นรถส่วนตัว ซึ่งในวันนี้เรานำรถไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับปรุงใหม่ 2024 ไฮลักซ์ รีโว่ จีอาร์ สปอร์ต 4×4 กระบะรุ่นเรือธงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งในสนาม ไฮลักซ์ รีโว่ แซดอิดิชั่น ทั้งรุ่นดับเบิ้ล แค็บ และสมาร์ท แค็บ และ ไฮลักซ์ รีโว่ สมาร์ท แค็บ พรีรันเนอร์ และรุ่นขับเคลื่อน 4×4 ที่มาพร้อมกับมาตรฐานยูโร 5 ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM2.5 รวมถึงรถกระบะเชิงพาณิชย์อย่าง Hilux Champ ด้วย

-ระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้ายังขาดความพร้อม

ส่วนการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้านั้น โตโยต้า สำหรับประเทศไทยเองยังขาดความพร้อมในหลายด้านของระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้า บริษัททจะยังคงใช้กลยุทธ์นำเสนอทางเลือกที่หลากหลายสำหรับลูกค้าที่ต้องการแตกต่างกัน เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้รถตรงกับความต้องการมากที่สุด เพราะแต่ละประเทศมีเงื่อนไขไม่เหมือนกัน ต้องดู 3 ปัจจัยหลักๆ ประกอบด้วยลูกค้าแนวโน้มจะซื้อรถเทคโนโลยีอะไร สภาพทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ มีโครงสร้างทางพลังงานอย่างไร และเราจะช่วยเหลือเศรษฐกิจของแต่ละประเทศได้อย่างไร เช่นประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาค อุตสาหกรรมรถยนต์คิดเป็นสัดส่วนจีดีพีสูงถึง 12% การจะทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย ความนิยมในรถไฮบริดมากกว่ารถไฟฟ้า ดังนั้นรถไฮบริดจึงยังมีข้อได้เปรียบด้านการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอยู่ สำหรับนโยบายด้านไฮบริดของโตโยต้า เพิ่งเปิดตัวรถโคโรลล่าครอสรุ่นไฮบริดไปเมื่อไม่นานมานี้ อยากจะให้รถยนต์รุ่นหลักของโตโยต้ามีออพชั่นเป็นไฮบริดให้ครบทุกรุ่นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

โตโยต้า จะผลิตและจำหน่ายรถกระบะ BEV ภายในปี 2025

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ  กล่าวว่า แม้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเติบโตได้ดีโดยเฉพาะปี 2566 แต่ถ้ามองอีกมุมจะพบว่าส่วนหนึ่งมาจากภาครัฐที่สนับสนุน แต่หากใช้ไทยเป็นฐานการผลิตยังไม่คุ้มค่าเพราะในอาเซียนรถยนต์ไฟฟ้ายังนิยมไม่มากนัก ตอนนี้จึงอาจจะยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามโตโยต้าน้อมรับนโยบายของประเทศไทย ที่ต้องการมีสัดส่วนการใช้รถไฟฟ้าให้ได้ 30% ภายในปี 2030

อย่างไรก็ตามโตโยต้าจะผลิตรถไฮลักซ์ BEV แบบ mass production ภายในปี 2025 พร้อมกับพิจารณาเทคโนโลยีทางเลือกอื่นๆ ที่เป็นไปได้ รวมถึงไฮบริดและพลังงานไฮโดรเจนด้วย ส่วนเรื่องที่ว่ารถปิกอัพ BEV จะจำหน่ายได้หรือไม่ และลดมลพิษได้จริงหรือไม่ยังเป็นที่ถกเถียง เนื่องจากรถไฟฟ้ายังจำเป็นต้องพึ่งพาการชาร์จไฟจากการผลิตกระแสไฟฟ้าที่ใช้พลังงานที่ไม่สะอาดอยู่ดี เป็นอีกประเด็นหนึ่ง รถปิกอัพเป็นที่คนไทยใช้ทํามาหากิน จึงต้องพิจารณาว่า จะทําอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์รถกระบะ BEV ที่ใช้งาน และลดภาระต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังช่วยสนับสนุนประเทศไทยได้จริง และเวลานี้โตโยต้ามีแผนผลิตรถไฮลักซ์ BEV ให้เทศบาลเมืองพัทยา ใช้เป็นรถสองแถวสิ่งทดสอบ 12 คัน ในวันที่ 25 เมษายนนี้ และโตโยต้ายังมุ่งสร้างสรรค์ทางเลือกดีที่สุดสําหรับลูกค้าทุกด้าน ทั้งการใช้งานได้จริง ความประหยัด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ”

ปรับเป้าคาดการ์ตลาดรถรวม 730,000 คัน โตโยต้า ตั้งเป้าขาย 250,000 คัน

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ  กล่าวเพิ่มเติม ถึงภาพรวมยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยปี 2567 ว่าก่อนหน้านี้ได้ประเมินตลาดรถโดยรวมขายได้ 780,000 – 800,000 คัน เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ทำได้ 770,000 คัน แต่ภาพรวมเศรษฐกิจช่วงปลายปีและต้นปีที่ผ่านมาทำได้ไม่ดีนัก บวกกับปัญหาหนี้ครัวเรือนและการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ จึงปรับลดยอดขายรวมเหลือ 730,000 คัน

ส่วนของโตโยต้า ตั้งเป้าขาย 250,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 34% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งโตโยต้ามีส่วนแบ่งการตลาดที่ 34.3% แม้การเข้ามาของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน และการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้า อาจส่งผลทำต่อการบรรลุเป้าหมาย แต่เมื่อดูตัวเลข 2 เดือนแรกของปีนี้ โตโยต้ามีส่วนแบ่งการตลาด 34.8% สูงกว่าปีที่แล้วที่ 34.3% จึงเชื่อว่าเป้าหมายดังกล่าวมีความเป็นไปได้

สำหรับยอดขายของโตโยต้า มาจากรถหลักๆ หลายรุ่น อาทิ ยาริส ครอส ที่พึ่งเปิดตัวไปไม่มานมานี้นับตั้งแต่เปิดตัวมา 5 เดือน มียอดจองสะสมกว่า 25,000 คัน หรือเดือนละประมาณ 5,000 คัน ขณะที่ปิกอัพ ไฮลักซ์ แชมป์ เปิดจองมา 3 เดือน ได้ยอดจองกว่า 5,000 คัน และโคโรลล่า ครอสใหม่ เปิดรับจองเพียง 1 เดือน รับยอดจองมากกว่า 3,000 คัน รถทุกรุ่นดังกล่าวข้างต้นได้รับกระเเสการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างดี