HAVAL H6 Hybrid SUV เปิดใจ..! ลืมความเป็นจีนยุคเก่า เเล้วจะรู้จัก “มังกร” ยุค 5 จี

หากพูดถึงคุณภาพสินค้าที่มาจากแดนมังกร หรือ จีนแผ่นดินใหญ่ละก็..หลายคนเป็นต้องรู้สึกไปในทาง “ลบ”  แต่ทว่าวันนี้ความรู้สึกดังกล่าวกำลังถูกลบทิ้งโดยรถ  Great Wall Motor หรือ GWM ที่ได้เผยโฉม All New Haval H6 Hybrid SUV เป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทย เมื่อเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา และวันนี้รถรุ่นนี้เริ่มออกจำหน่าย เเละเปิดให้จับจองเเล้ว โดยขณะนี้ยอดจองทะลุ 2,000 คันไปแล้วทั้งๆที่ยังไม่ทราบราคา  ตามกำหนดเเล้วทาง GWM จะเปิดเผยราคารถรุ่นนี้ในวันที่ 28 มิถุนายน 2564  ขณะที่ล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ GWM ประเทศไทย ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสายยานยนต์ได้ทดลองขับ ภายใต้แนวคิด “DRIVE TO A NEW xEV WORLD” บนเส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี   และพบว่ามันเป็นรถที่น่าสนใจมาก จนทำให้ลืมความเป็นจีนในสมัยเก่าได้อย่างสิ้นเชิง ครบถ้วนทั้ง รูปลักษณ์การออกแบบที่สวยงาม ภายในก็ดูหรูหราเอาเรื่อง ประกอบกับออพชั่นเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย และรวมถึงสมรรถนะการขับบนถนนยังเป็นบวก ออโต้พรีวิว จึงนำเสนอผ่านรายงานชิ้นนี้

การออกแบบภายนอก (Exterior Design)

  • All New HAVAL H6 Hybrid SUV มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกอันโฉบเฉี่ยวสะท้อนถึงสุนทรียภาพแห่งอนาคตด้วยการผสมผสานระหว่างการออกแบบที่หรูหรามีระดับกับโครงสร้างอันล้ำสมัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่
    • กระจังหน้าดุดัน : กระจังหน้าทรงตะแกรง โดดเด่นด้วยโลโก้ HAVAL ตรงกลาง และเพิ่มความดุดัน แข็งแกร่ง ด้วยสีดำสำหรับรุ่น PRO และสีโครเมียม สำหรับรุ่น ULTRA
    • ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต : ขนาด 18 นิ้ว สำหรับรุ่น PRO และขนาด 19 นิ้ว สำหรับรุ่น ULTRA
    • คมชัดทุกเส้นสาย : ลายเส้นบนตัวรถคมชัด ออกแบบมาได้อย่างลงตัวตามหลักอากาศพลศาสตร์
    • ไฟด้านหน้าและท้าย : มาพร้อมไฟส่องสว่างแบบ LED เต็มรูปแบบ แถบไฟท้ายพาดยาวจากซ้ายจรดขวา LED taillight strip มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและโด่ดเด่นไม่เหมือนใคร

การออกแบบภายใน (Interior Design)

  • All New HAVAL H6 Hybrid SUV โดดเด่นด้วยการออกแบบภายในแบบ 360 องศา ภายใต้แนวคิด “Future Intelligent Cockpit” เพื่อสร้างสุนทรียภาพให้กับทุกสัมผัสภายในห้องโดยสาร
  • การเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 3
    • Head Up Display (HUD) มีความคมชัดและความละเอียดสูง
    • Multi Information Display มีความละเอียดสูง ขนาด 10 นิ้ว
    • Intelligent Multimedia Touchscreen ขนาด 10 นิ้วในรุ่น PRO และขนาด 12 นิ้ว ในรุ่น ULTRA ซึ่งเป็นหน้าจอมัลติมีเดีย ความละเอียดสูงพื้นที่ห้องโดยสารที่เรียบง่ายและหรูหรา
      • ใช้วัสดุคุณภาพดีและอุปกรณ์ตกแต่งที่หรูหรา พร้อมการตัดเย็บที่ประณีต
      • หลังคาพาโนรามิกซันรูฟสุดหรู ขนาด 2 ตารางเมตร
      • สัมผัสนุ่มสบายด้วยเบาะหนังสังเคราะห์คุณภาพเยี่ยม ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โดยเบาะคู่หน้าสามารถปรับได้ 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังปรับด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อช่วยจัดท่านั่งให้สบายและอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นวิสัยทัศน์ได้ดีที่สุด ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่และเพิ่มความปลอดภัย มาพร้อมกับการบำรุงรักษาที่ง่าย
      • การระบายอากาศที่เบาะหน้าสามารถปรับระดับได้ โดยสามารถระบายอากาศได้อย่างรวดเร็วและช่วยควบคุมอุณหภูมิเบาะให้เหมาะสมได้ดียิ่งขึ้น
      • แสงไฟสีแดง (Ambient Light) สร้างบรรยากาศอบอุ่นภายในห้องโดยสาร
      • พื้นที่เก็บสัมภาระอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานที่หลากหลาย ทั้งพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ออกแบบให้มีพื้นระดับต่ำกว่าเพื่อช่วยเพิ่มความจุ และยังสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้ด้วยการปรับเบาะแบนราบ

สร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายภายในห้องโดยสาร

  • มีระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศ AQS ด้วยเครื่องกรองอากาศ CN95
  • มาพร้อมกับเครื่องกำเนิดไอออนลบ สามารถลดปริมาณฝุ่น 5 ได้เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร
  • มีการติดตั้งวัสดุซับเสียงจากการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนภายนอก โดยใช้วัสดุกั้นเสียงหลากหลายชนิด

ฟังก์ชั่นอัจฉริยะ (Intelligent Functions)

  • การอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA)
  • ระบบดังกล่าวมาพร้อมกับความสามารถในการอัพเกรดเฟิร์มแวร์สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่นๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างง่ายดายผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA)
  • All New HAVAL H6 Hybrid SUV เป็นรถยนต์เชื้อเพลิงรุ่นแรกที่มีฟังก์ชั่นนี้
  • การตอบโต้ด้วยเสียงอัจฉริยะผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence)
  • มีความสามารถในการจดจำเสียงได้เป็นอย่างดี จึงสามารถช่วยลดการใช้งานจากการกดปุ่ม เป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้ขับขี่สามารถสั่งการและโต้ตอบด้วยเสียงเพื่อใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ รวมไปถึงการเข้าถึงระบบเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ภายในรถ
  • การสั่งการและควบคุมรถจากระยะไกล
  • เป็นระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทำงานบางฟังก์ชั่นของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ รวมไปถึงการสร้างระบบความปลอดภัยให้กับรถยนต์
  • ฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล เช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อคและปลดล็อคประตู การค้นหารถยนต์ การปิดหน้าต่าง และการควบคุมระบบการระบายความร้อนของเบาะ
    • ฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล เช่น การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และการแสดงผลการตั้งค่าต่างๆ ของรถ
  • ระบบความบันเทิงแบบมัลติมีเดีย
    • การเชื่อมต่อกับ Apple Car Play ด้วย SIRI*
    • การเชื่อมต่อกับ Android Auto ด้วย Google Assistant*
    • การเชื่อมต่อกับระบบ CLOUD เพื่อความบันเทิงต่างๆ ทั้งการฟังเพลงออนไลน์และรายการวิทยุ การตรวจเช็คสภาพอากาศ และการดูข้อมูลเกี่ยวกับการนำทางและจุดหมายปลายทาง โดยระบบนี้จะสามารถใช้งานได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป

สมรรถนะของรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV

  • รถยนต์ไฟฟ้าเบนซินไฮบริด ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 5 Turbo ให้กำลังจากเครื่องยนต์สูงสุด 110 kW และมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 130 kW โดยให้กำลังรวมทั้งระบบสูงสุด 179 kW (243 PS) พร้อมให้แรงบิดจากเครื่องยนต์สูงสุด 230 Nm และแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 300 Nm โดยให้แรงบิดทั้งระบบรวมสูงสุด 530 Nm มีประสิทธิภาพเชิงความร้อน 38%
  • All New HAVAL H6 Hybrid SUV ใช้เพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT รองรับการขับขี่ตามความต้องการ ช่วยประหยัดน้ำมัน คลายความกังวลด้วยระบบเกียร์ไฮบริดรุ่นแรกที่มี 2 ระบบเกียร์ (1 ระบบเกียร์ที่ด้านเครื่องยนต์และอีก 1 ระบบเกียร์ที่ด้านมอเตอร์ขับเคลื่อน) เพื่อรองรับการขับเคลื่อนที่หลากหลายโดยใช้ประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดและกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย (Driver Assistance and Safety Systems) สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ 2+

  • ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety)
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA) ทำงานตามความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งเอาไว้ แต่จะตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ
    • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ถือเป็นหนึ่งในระบบที่ดีทีสุดในระดับ 2+ (L2+) ที่มาพร้อมระบบการตรวจจับคนเดินถนน และทางแยก โดยสามารถคำนวณระยะทางระหว่างรถและคนเดินถนนได้แบบเรียลไทม์ มีสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก และยังมีการเตือนการชนด้านหน้าและด้านหลัง โดยใช้เรดาร์ด้านหน้าและหลัง เพื่อพิจารณาระยะทาง ทิศทาง และความเร็วสัมพัทธ์ของรถคันอื่น
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน
    • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) แจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน
    • ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน
    • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) โดยการใช้ใช้เรดาร์ตรวจสอบรถในเลนที่ติดกันโดยหากมีหากอยู่ใกล้มากจนเสี่ยงที่จะเกิดการชนเนื่องจากจุดอับสายตาตามธรรมชาติ ระบบจะมีไฟเตือนเพื่อแสดงที่กระจกด้านนอกในด้านที่เหมาะสม
    • ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว​ โดยในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสม​เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และจะหมุนรถให้กลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ
    • การเข้าโค้งอัจฉริยะ เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
    • ระบบตรวจจับและตีความหมายป้ายจราจร(TSR) กล้องจะทำงานร่วมกับชิปประมวลผลภาพโดยสามารถวิเคราะห์ป้ายจราจรเช่น ป้ายจำกัดความเร็ว และจะมีสัญญาณเตือนด้วยเสียงและภาพแสดงบนหน้าจอเพื่อเตือนผู้ขับขี่หากขับเกินความเร็วที่กำหนด
    • ระบบควบคุุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (VSC) ช่วยตรวจสอบการหมุนของพวงมาลัยที่อาจจะมากหรือน้อยเกินไปในทางโค้ง เพื่อช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนโดยการลดคันเร่งและเบรกในแต่ละล้อ
    • ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ใช้เบรกเพื่อช่วยควบคุมความเร็วของรถขณะขับบนทางลาดชันเพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการบังคับพวงมาลัย
    • ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) โดยเมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง
    • ระบบป้องกันการไหลของรถโดยการเบรกอัตโนมัติ (AVH) เมื่อหยุดรถบนทางลาดลง เบรกจะทำงานอัตโนมัติจนกว่าจะมีการเหยียบคันเร่ง
    • ระบบช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก (HBA) ช่วยลดระยะเบรกในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยรถจะเพิ่มระบบช่วยเบรกเพื่อลดระยะการหยุดให้สั้นลง
    • ระบบลดความเสี่ยงที่จะพลิกคว่ำ (ARS) ช่วยชะลอและทรงตัวรถ หากตรวจสอบพบว่ารถมีการหมุนตัวมากเกินไป จะใช้ระบบเบรกและการควบคุมคันเร่งในการชะลอรถและทรงตัว
    • ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
    • กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถในแบบ “เฮลิคอปเตอร์” และเปิดการทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็ว 15 หรือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและตอนสตาร์ทรถ
    • ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถและช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
    • ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอัยสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอดเข้าสู่ช่องจราจร เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็คด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและ ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและภาพ หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานด้วยการลดความเร็วและหยุดรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
    • ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ และหากเลือกเกียร์ถอย รถจะสามารถถอยหลังกลับได้เองโดยใช้ข้อมูลสิ่งกีดขวางต่างๆ ที่ถูกบันทึกไว้
    • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) ระบบตรวจสอบและแจ้งเตือนวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว หากพบการเปิดประตูรถ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ เมื่อรถจอดเรียบร้อยแล้ว หากมีการตรวจจับวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวได้ เช่น มีรถหรือนักปั่น จะมีไฟเตือนการเปิดประตูจะแสดงขึ้นบนหน้าจอ และเมื่อประตูถูกเปิดออกในขณะที่วัตถุถูกตรวจจับได้ ไฟเตือนจะกระพริบและจะมีเสียงเตือน
    • ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) ช่วยประเมินและวิเคราะห์ลักษณะในการขับขี่ เช่นมุมบังคับเลี้ยว การเบรก การควบคุมไฟส่องสว่าง และใบบัดน้ำฝน ระยะเวลาในการขับ หากพบว่ามีลักษณะการขับขี่ที่เหนื่อยล้า หรือหลังจากขับรถด้วยความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และขับรถมากว่า 4 ชั่วโมง ระบบจะเตือนด้วยภาพและเสียงนาน 20 วินาที ทุกๆ 10 นาที โดยสามารถทำการตั้งค่าใหม่ได้ก็ต่อเมื่อทำการหยุดรถเท่านั้นรถจะทำการแจ้งเตือนและแนะนำให้หยุดพัก
    • ระบบความปลอดภัยเชิงแก้ไข (Passive Safety)
  • ตัวถังทำจากเหล็กที่มีความแข็งแรงสูงและเชื่อมต่อด้วยเลเซอร์ สามารถดูดซับและลดแรงกระแทกเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก
  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เพื่อปกป้องผู้โดยสาร เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในกรณีที่ถุงลมนิรภัยทำงาน สัญญาณเตือนอันตรายจะทำงาน ประตูจะถูกปลดล็อก และรถจะโทรติดต่อศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน และสามารถส่งตำแหน่งเพื่อขอความช่วยเหลือได้

ทั้งนี้ในด้านความพร้อมของโชว์รูมและศูนย์บริการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ดำเนินการผ่านเครือข่าย 2 รูปแบบ ได้แก่ GWM Store และ GWM Partner Store โดยตั้งเป้าหมายที่จะเปิด GWM Store ซึ่งลงทุนและดำเนินการโดย เกรท วอลล์ มอเตอร์ รวมไปถึง Partner Store ที่เปิดโดยพันธมิตรทางธุรกิจ รวมทั้งสิ้น 30 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ ภายในเดือนมิถุนายน เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีการเปิดตัว GWM Store ทั้งสิ้น 3 สาขาอย่างเป็นทางการ คือ สาขาเซ็นทรัล บางนา และ ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต และสาขาสีลม คอมเพล็กซ์ และวางแผนที่จะเปิด GWM Experience Center

ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม รวมถึง Flagship Service Center ในไตรมาส 3 นี้อีกด้วย ด้าน GWM Partner Store ทั้ง 20 แห่ง จะทยอยเปิดตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป โดยแบ่งเป็น

  1. กรุงเทพและปริมณฑล 11 แห่ง
  2. ชลบุรี 3 แห่ง
  3. ระยอง 1 แห่ง
  4. เชียงใหม่ 1 แห่ง
  5. ขอนแก่น 1 แห่ง
  6. นครราชสีมา 1 แห่ง
  7. สงขลา 1 แห่ง
  8. ภูเก็ต 1 แห่ง

 

สำหรับการทดลองขับก่อนออกเดินทาง ได้ทำความรู้จักับปุ่มต่างๆภายในรถตามสมควร พบว่า รถคันนี้มีปุ่มต่างๆน้อยมาก เพราะมันไปรวมไว้ในจอดิสเพลย์ที่คอนโซลกลางซะส่วนใหญ่ เเละยังพบว่ามัน ไม่มีคันเกียร์ แต่เป็นปุ่มกลมๆเมื่อต้องการเข้าเกียร์เพียงแค่หมุนไปนำแหน่งที่ต้องการ หมุนซ้ายเกียร์ R –หมุนไปทางขวาเกียร์ D  หรือเกียร์ P กดลง เป็นต้น  ก้านไฟเลี้ยวอยู่ซ้ายมือ ก้านด้านขวาเป็นที่ปัดน้ำฝน ขณะที่เส้นทาง กรุงเทพฯ-ชลบุรี เดินทางจากอ่อนนุช มุ่งหน้าจ.ชลบุรี ต้องผ่านสภาพการจราจรแออัดหลากหลาย เสียงเตือนจากระบบต่างๆดังเป็นระยะเมื่อมีรถหรือสิ่งกีดขวางต่างๆเข้ามาใกล้ในรัศมีที่จะส่งผลถึงความปลอดภัย ก่อนจะได้กดคันเร่งยาวๆ บนทางด่วนยกระดับบางนา-ตราด รถให้ความคล่องตัวดี กดคันเร่งลงความเร็วก็ตามมาทันที

เมื่อหลุดจากถ.สุขุมวิท เมื่ออยู่บนด่วนบูรพาวิถี บางนา-ตราด กดคันเร่งเบาๆใช้เวลาไม่กี่วินาทีรถไต่เพดานความเร็วขึ้นมาเรื่อยๆ จาก 40 -60 -80-100-120-กม./ชม. เม่ือความเร็วทะลุเกิน 120 กม./ชม. ตัวเลขไมล์ความเร็วจะเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีเเดงเพื่อเป็นการเตือนผู้ขับ ขณะรถเเล่นในความเร็วต่างๆดังกล่าว  ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้า ในขณะขับขี่ FCW, ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง RCW, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW, ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพตลอดการเดินทาง

ขณะที่ในสนามได้ทดลองใช้ ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ และหากเลือกเกียร์ถอย รถจะสามารถถอยหลังกลับได้เองโดยใช้ข้อมูลสิ่งกีดขวางต่างๆ ที่ถูกบันทึกไว้ พร้อมกับได้ใช้ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถและช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง ทั้งสองระบบที่ได้ลอง HAVAL H6 ก็ทำได้ดี

หลังจากทั้งได้ขับเเละนั่งเเล้วพบว่ามันเป็นรถที่น่าสนใจมาก  วันนี้คุณลองเปิดใจสินค้าจากจีนเเผ่นดินใหญ่นี้ใหม่ เมื่อคุณได้สัมผัสมันจริงจังเชื่อว่า รถ HAVAL H6 จะทำให้คุณลืมความเป็นจีนในสมัยเก่าได้อย่างสิ้นเชิง เพราะมันครบถ้วนทั้ง รูปลักษณ์การออกแบบที่สวยงาม ภายในก็ดูหรูหราเอาเรื่อง ประกอบกับออพชั่นเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย และรวมถึงสมรรถนะการขับบนถนนยังเป็นบวก เเล้วมาลุ้นราคากันว่า 28 มิถุนายน 2564 ควรจะมีค่าตัวเท่าไหร่…!